วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

ศึกษาประวัติพระนารายณ์ เพื่อจะได้รู้ประวัติศาสตร์.....

                                       
  
            พระนารายณ์


                 แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในกลุ่มชุมชนตะกั่วป่า มีสภาพตามภูมิศาสตร์รวมกันตั้งอยู่ในแนวลำน้ำตะกั่วป่า หลักฐานที่แสดงถึงการติดต่อสัมพันธ์ ขณะสำรวจแหล่งแร่ในเขตจังหวัดพังงา ได้พบแผ่นหินจารึก ที่ลงมจากเขาไปเก็บรักษาไว้ที่วัดหน้าเมือง ต่อมาจึงนำไปเก็บไว้รวมกันในบริเวณที่เรียกว่า “ ที่พระนารายณ์ “ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเทวรูป 3 องค์ อยู่ใต้โคนต้นตะแพกริมฝั่งคลองตะกั่วป่าตรงข้ามเขาเวียง เทวรูปทั้ง 3 องค์ทำด้วยศิลาสลักเครื่องทรงแบบอินเดียแท้ เทวรูปนี้เดิมอยู่บนเขาเวียง บนนั้นผิวมีฐานก่อด้วยอิฐ ปรากฏอยู่ ครั้นพม่ามาตีเมืองไทย ได้ลงมาที่เขาเวียงพกเทวรูปลงมาได้ถึงที่เนินนี้ ตั้งใจจะไปทางแม่น้ำ เผอิญเกิดฝนตกห่าใหญ่ พม่าจึงต้องทิ้งเทวรูปไว้ หนีเอาตัวรอด

                ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้ ทางโบราณคดี อยู่ที่หมู่บ้านพระรายณ์ ตามคำพูดของชาวตำบลแหล่อำเภอกะปง

อ้างอิงรูป    phangngaassociation.blogspot.com

ไปเที่ยวโบราณคดี...กันดีกว่า ????

                                                 
                                                     


แหล่งโบราณคดีควนพระเหนอ


                ประการแรก แหล่งโบราณคดีควนพระเหนอ และเหมืองทอง น่าจะเป็นชุมชนโบราณซึ่งตะโกลาได้ปรากฏในจดหมายเหตุภูมิศาสตร์โตเลมีและคัมภีร์มหานิทเทส ซึ่งเป็นเหมืองท่าสำคัญไม่น้อยกว่าพุทธศตวรรษที่ 7

                ประการที่สอง อารายะธรรมอินเดีย เริ่มต่อตัวขึ้นแหล่งโบราณคดี เหมืองทอง และควรพระเหนอก่อน แล้วขยายอรายะธรรมจากฝั่งทะเลตะวันตก ไปสู่ฝั่งตะวันออก ปรากฏหลักฐานจากการสร้างรูปเคารพขนาดใหญ่ ทองนำไปขึ้นฝั่งบริเวณตำบลเหล่ อำเภอกะปง สันนิฐานว่าเทวรูป 3 องค์ซึ่งพบบริเวณที่พระนารายณ์ ใต้ต้นตะแพก ในตำบลเหล่นั้น นำมาจากชุมชนโบราณ บริเวณเหมืองทองควนพระเหนอซึ่งเป็นชุมชนที่เกิดก่อน และมีแหล่งวัตถุดิบสำหรับทำรูปเคารพด้วยหินที่บริเวณตำบลเหล่ อำเภอกะปง

อ้างอิงรูป   www.kuapa.com -

ลงจาก..ภู..ไปต่อกันที่ หาดทราย...สีขาว

                                            

 หาดบางสัก

                  เล่นน้ำทะเลหาดบางสัก นั่งพักผ่อนแหล่มสนหมู่บ้านน้ำเค็ม ชมแหลมปะการัง สั่งอาหารที่ร้านยิ้ม ผู้ที่เคยได้รับผลกระทบจาก สึนามิเมื่อ ปี 47 ครั้งนั้นทำให้ร้านอาหารได้รับความเสียหายทั้งหมด จึงได้รับทุนพระราชทานสร้างใหม่จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ซึ่งร้านอาหารนั้นเป็นร้านที่ได้รับ ความนิยมของคนตะกั่วป่า ฝีมือการทำอาหารเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีเสมอ จากผลกระทบดังกล่าวจึงได้ย้ายร้านจากหมู่บ้านน้ำเค็มมาอยู่ที่ริมถนนสายตะกั่วป่า – ภูเก็ต ใกล้ ๆ กับโรงเรียนบ้านบางม่วง และร้านอาหารที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่ง เช่น ร้านฮกกี้เหลา ตั้งอยู่ตรงข้ามปั้ม ปตท. ที่ตลาดตะกั่วป่า ร้านโฮ่งเม่งเฮง ที่ตลาด  บขส. ตะกั่วป่า 

                เมื่อท่านสัมผัสร้านอาหารแล้ว คงไม่ลืมของฝากถึงคนทางบ้าน หรือเพื่อนฝูงและคงหนีไม่พ้น ขนมเต้าส้อที่อร่อยที่สุดในตะกั่วป่าเลยที่เดียว เช่นตวงรัตน์ ร้านคุณอารี  ร้านคุณเล็ก ที่ทำขนมเต้าส้อมานาน จากรุ่นสู่รุ่น เลยที่เดียว

อ้งอิงรูป www.oknation.ne

สถานที่ท่องเที่ยวเมื่อลงจากภู....

                                             

    น้ำตกแสงทอง

                   เมื่อเราพูดถึงภูตาจอได้สัมผัสความหนาวเย็นของทะเลหมอก แห่งภาคใต้ ที่ความสวยงามไม่แพ้ความงามของแหล่งอื่น ๆ ทางภาคเหนือ หลังจากได้สัมผัสกันแล้ว หากผู้สนใจแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีอีกมากมายบริเวณใกล้เคียงกับภูตาจอ เช่น วัตถุโบราณ วัดปากแหล่ น้ำพุร้อนบ้านรมณีย์ ต่อด้วยขี่ช้างที่รมณีย์ เที่ยวอุทยานเขาสก ย้อนกลับมาที่น้ำตกหินลาดเพื่อกินส้มตำอร่อย ๆ ไปปิกนิก บริเวณน้ำตกแสงทอง แห่งบ้านในโหนด หรืออาจเที่ยวน้ำตกโตนปริวรรต ที่ตำบลสองแพรก อำเภอเมืองพังงา หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า น้ำตกสองแพรก ที่มีความสวยงามมาก ๆ เช่นกัน

                ทั้งนี้ผู้ที่คิดจะท่องเที่ยวตามสถานที่ดังกล่าวควรศึกษาเส้นทางให้ดีเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทางของท่าน

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

เตรียมสัมภาระก่อนขึ้นภู....

                                       

                              สัมภาระก่อนขึ้น...ทะเลหมอก !!!
         ก่อนที่จะขึ้นไปสัมผัสทะเลหมอก...ภูตาจอ  เวลาที่ดีสำหรับความสวยงามของทะเลหมอกแห่งขุนเขาภูตจาจอ ควรขึ้นไปค้างคืน บนภู เผื่อผู้ที่ชอบส่องดูสัตว์ในยามกลางคืน ควรนำไฟฉาย เสื้อกันหนาว ที่นอน หรือถุงนอน เต้นท์ อาหารก็ควรจัดเตรียมให้พร้อม ตามความต้องการของตัวท่านเองเมื่อดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นขอบฟ้าในยามเช้า จะเป็นช่วงเวลาที่มีความหนาวก้มรับแสงแดดอุ่น ๆ ในยามเช้า  คุณจะได้สัมผัสถึงความสวยงามที่น่าทึ่งเลยที่เดียว 
          
               เพราะฉะนั้น ผู้ที่ยังไม่เคยไป ควรหาเวลาที่จะได้สัมผัสอากาศที่สดชื่นของภูตาจอ ได้เลย แต่ผมคิดว่า หากท่านใดที่เคยได้สัมผัส ยังอยากที่จะมาสัมผัสใหม่อีกเป็นแน่ 

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

สภาพเส้นทาง...ก่อนถึง ภู !!!!

                                                 

                                      ก่อนขึ้น สวรรค์ ทะเลหมอก

                 " ส่วนมากแล้วถ้านึกถึง คำว่า " ทะเลหมอก "
      เรามักจะคิดถึง การเดินทาง ความสะดวกในการเดินทาง
                 และบรรยากาศระหว่างทาง "

.....งั้้นเรามาดูกันว่า คำว่า " ทะเลหมอกภูตาจอ" สภาพเส้นทางเป็นอย่างไร..... ???

     ภูตาจอ ชื่อนี้ตั้งตาม ตาจอ หรือนายจอ ผู้บุกเบิกทำเหมืองแร่ดีบุกที่ยอดเขาแห่งนี้ เป็นคนแรก เมื่อ 30 ปี ก่อนยุคที่แร่ดีบุกมีราคาแพง ต่อมาราคาดีบุกตกต่ำ ทำให้เหมืองต่าง ๆ ถูกปล่อย ทั้งรกร้าง นานกว่า 20 ปี

     ในปี 2536 ได้มีการบุกเบิกจัดสรรสถานที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดย อบต. เหล่ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ เพิ่งเปิดให้ใช้เส้นทาง เมื่อกลางปี 2554 แต่สภาพเส้นทางก็โหด และดินลูกรัง จำเป็นที่จะต้องใช้ รถโฟวิล เป็นพาหนะเท่านั้น

      ระยะทางช่วง 6 กิืโลเมตร แรกสภาพเส้นทางเหมือนผืนป่า ทั้งยังเป็นดินลูกรังธรรมดา แต่หากฝนตกเมื่อไหร่ ต้องบอกได้เลยว่า " สาหัสแน่ ๆ "  ทางข้างหน้ามีธารน้ำให้ข้ามผ่าน เป็นระยะ การเดินทางที่ดี ควรติดต่อคนในพื้นที่ หรือคนที่สันทัด นำทาง

       การขับรถต้องควบคุใคันเร่ง และตำแหน่งเกียร์ให้เหมาะสม ธารน้ำ บางช่วง บางตอนนั้น พื้นดินด้านล่างอาจจะไม่แข็งแรง บางแห่งต้องปืนเนินหิน ทำให้การเดินทางต้องใช้ความระมัดระวัง  และเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบผจญภัย แบบ ออฟโรด ลุย ท้าทาย การเดินทางที่สัมบุกสัมบัน ก่อนถึง " ภุตาจอ "

            ดังนั้น การเดินทางไป ไ ภูตาจอ " มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเราต้องเจออะไรอีกหลายอย่าง ทั้งสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ และที่สำคัญเราต้องรู้ว่า เราจะไปยังไง และควรคิดต่อกับเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ หรือผู้เชียวชาญ ในการเดินทาง จะดีกว่า 

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

ผลไม้...ที่มีชื่อเสียง..ของกะปง


ทุเรียน..สาริกา !!

            ผลไม้ที่มีชื่อเสียงของอำเภอกะปง มีอะไรกันบ้างนั้น...
                  .......เดียวเรามาดูกันดีกว่า ???

        สภาพพื้นที่ของจังหวัดพังงา เป็นพื้นที่ราบสลับกับภูเขา มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของกะปง ส่วนใหญ่จะเป็น ยางพารา และปาล์มน้ำมัน แต่ยังมีผลไม้อีกหลายชนิดที่ขึ้นชื่อ เช่น ลองกอง  มะไฟ  ละไม  จำปาดะ  ลูกปุ๋ย  มังคุด  ส้มแขก  มะละกะ  เป็นต้น  แต่ผลไม่ที่ขึ้นชื่อที่สุด และนิยมชื่อขายกันเป็นของฝาก คือ ทุเรียนพันธ์สาริกา  หรือที่เรียกกันแบบชาวบ้านว่า " เรียนสากา " เป็นทุเรียนที่มีรสชาติหวานมัน  และมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์  จนมีคำว่าขานที่ว่า " มากะปงไม่ได้ชิมทุเรียนสากา เหมือนมาไม่ถึง กะปง "
      
       ลักษณะและจุดเด่นของทุเรียนพันธ์สาริกา คือ มีผลค่อนข้างกลม ความยาวพอประมาณ 36 เซนติเมตร  รวมทั้งผลมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 20 เซนติเมตร เปลือกผลบาง หนามสั้นค่อนข้างถี่  ผลดิบเปลือกเป็นสีเขียวเข้ม ผลแก่สีจะอ่อนลงเล็กน้อย น้ำหนักต่อผล 1 - 2 กิโลกรัม ให้ผลิตได้เมื่อปลูกไปแล้วประมาณ 4 - 5 ปี

        ทุเรียนพันธ์สาริกาที่ปลูกเป็นส่วนใหญ่ ๆ มีอยู่เพียง 3 - 4 รายเท่านั้น ส่วนใหญ่จะปลูกร่วมกัน มังคุดหรือผลไม้ชนิดอื่น ๆ นอกนั้นจะปลุกกันบ้านละต้น สองต้น  ตามหลังบ้าน  จึงทำให้ผลิตน้อย  และยังไม่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย 

  
        ราคาทุเรียนพันธ์สาริกา  กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 80 บาท  โดยมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงสวน  และยังมีการสั่งจองล่วงหน้า  เนื่องจากผลิตที่ออกมายังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค  ส่วนราคาต้นพันธ์ อยู่ในราคา ต้นละ 100 - 200 บาท 
  
      ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าทุเรียนพันธ์สาริกา  น่าจะเป็นผลไม้ของท้องถิ่นที่มีอนาคตต่อไป ของอำเภอกะปง

http://it.doa.go.th/pibai/pibai/n14/v_12-jan/rai.html


มาทำความรู้จัก....กะปง....กันดีกว่า !!!



ชุมชนกะปง
 
           เมื่อพูดถึงอำเภอ กะปง ทุกคนก็มักจะนึกถึง " ทะเลหมอก...ภูตาจอ "
           แต่จริง ๆ แล้ว อำเภอกะปง มี ให้เราไปค้นหาอีกมากมาย ???

   ก่อนอื่น เรามารู้จัก อำเภอกะปง  กันดีกว่า !!!


           คำว่า " กะปง " จะมีความหมายเป็นสองนัย ??
  นัยที่หนึ่ง  เชื่อกันว่าตรงที่ตั้งหมู่บ้านกะปง มีแม่น้ำขยายใหญ่กว่าตอนอื่น ๆ ในภาษาพื้นบ้านเรียกว่า " ป้ง " หมายถึงกว้างออก  พองออก  แล้วเพี้ยนมาเป็น " ปง "
   นัยที่สอง  อาจเพี้ยนมาจากคำว่า " Kampong "ภาษามลายูแปลว่า "บ้าน "  ภาษาเขมร " กำปง " แปลว่า ท่าน้ำ และกลายมาเป็นกะปงในภายหลัง

          กะปง  เป็นอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดพังงา  มีเนื้อทีประมาณ 588 ตารางกิโลเมตร  อยู่ห่างจากเมืองพังงา 47 กิโลเมตร โดยทางหลวงสาย ตะกั่วป่า - พังงา  และห่างจากอำเภอตะกั่วป่า ประมาณ 25 กิโลเมตร  กะปงเป็นอำเภอเดียวของจังหวัดพังงาที่ไม่มีทะเล หรือ อาณาเขตติดกับทะเล  แต่เป็นอำเภอที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาจิมากมาย เช่น แร่ดีบุก - ป่าไม้

          ดังคำขวัญที่ว่า

  ม่านหมอกเมืองใต้           ผลไม้นานา
        พระนารายณ์ล้ำค่า               ศรัทธาหลวงพ่อเซ่ง

     ความหมายของคำขวัญดังกล่าว
     คำว่า " ม่านหมอกเมืองใต้" คือ ในภาคใต้ อำเภอกะปงเป็นอำเภอเดียวที่ไม่มีทะเล แต่ก็เป็นอำเภอเดียวที่มี " ทะเลหมอก "
              " ผลไม้นานา " คือ ในอำเภอกะปง มีผลไม้หลายชนิด และที่ขึ้นชื่อก็มีหลายอย่าง
              " พระนารายณ์ล้ำค่า " คือ ในอำเภอกะปงมีรูปปั้นพระนารายณ์ที่ชาวอำเภอกะปงเอาไว้บูชา และศักสิทธิ์
              " ศรัทธาหลวงพ่อเซ่ง " คือ ชาวอำเภอกะปงเชื่อกันว่า มีบารมีของหลวงพ่อเซ่ง ซึ่ง อยู่ในวัดปากเหล่

     ดังนั้น อำเภอกะปง ถือว่า เป็นอำเภอที่น่าสนใจอำเภอหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นอำเภอเล็ก ๆ แต่ก็มี ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์